ข้อควรรู้ !! ก่อน การเริ่มกินคีโต (Keto Diet) วิธีการกิน ของกินเล่นสำหรับคนเริ่มกินคีโต
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกิน keto ก่อน การเริ่มกินคีโต ( อาหารคีโตเจนิก ) สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจหลักการของการกินคีโตก่อน คีโตเป็นรูปแบบการกินที่เน้นการกินไขมันและโปรตีนเป็นหลัก และลดการกินคาร์โบไฮเดรตให้เหลือน้อยที่สุด คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย แต่เมื่อเราลดการกินคาร์โบไฮเดรตลง ร่างกายก็จะเข้าสู่ภาวะคีโตซีส (Ketosis) ซึ่งจะทำให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานแทน คำนวณสารอาหารที่ควรกินในแต่ละวัน เมื่อเราเข้าใจหลักการของการกินคีโตแล้ว การคำนวณสารอาหารที่ควรกินในแต่ละวัน อาหารคีโตเจนิก หรือคีโตไม่ใช่แค่เทรนด์อาหารเท่านั้น แต่เป็นแนวทางที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ด้วยประโยชน์มากมายตั้งแต่การลดน้ำหนักไปจนถึงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ หากคุณกำลังพิจารณาการเปลี่ยนแปลงอาหารนี้คือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เพื่อเริ่มกินคีโต
การวางแผนเพื่อเริ่มกินคีโต ให้เหมาะกับร่างกายของตนเอง
เมื่อวางแผนการกินอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเริ่มกิน คีโตเจนิค โดยควรค่อยๆ ปรับลดปริมาณการกินคาร์โบไฮเดรตลงในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัวเข้าสู่ภาวะคีโตซีส ซึ่งอาจใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ในช่วงเริ่มต้นของการกินคีโต อาจมีอาการข้างเคียง เช่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ท้องผูก คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งอาการเหล่านี้มักหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ เมื่อคุณเข้าใจพื้นฐานของอาหารคีโตแล้ว การเริ่มต้นกินคีโต สามารถสำรวจเมนูอาหาร ได้ที่นี่ !! คุณสามารถเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนอาหารของคุณทีละน้อยโดยค่อยๆ เพิ่มปริมาณไขมันและลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง คุณจะสามารถปรับให้เข้ากับอาหารคีโตได้มากขึ้นและกินอาหารที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตต่ำมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากมีอาการข้างเคียงที่รุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ วิธีการประเมินตัวเองก่อนเริ่มกินคีโตและควรปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือมีปัญหาสุขภาพใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มกิน คีโตเจนิก
การวางแผนการกิน การเริ่มกินคีโต อาหารคีโตเพื่อสุขภาพและการลดน้ำหนัก
เมื่อคำนวณสารอาหารที่ควรกินในแต่ละวันแล้ว การวางแผนการกินอาหาร โดยควรเลือกรับประทานอาหารที่ไขมันสูง โปรตีนสูง และคาร์โบไฮเดรตต่ำ โดยควรกำหนดสัดส่วนของไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตให้เหมาะสม โดยปกติแล้วสัดส่วนไขมันควรอยู่ที่ 70-80% โปรตีนควรอยู่ที่ 15-20% และคาร์โบไฮเดรตควรอยู่ที่ 5-10%ตัวอย่างอาหารที่เหมาะกับการกินคีโต ได้แก่
- เนื้อสัตว์ทุกชนิด เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลา
- ไข่
- ผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำ เช่น นม โยเกิร์ต ชีส
- ไขมันที่ดี เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันมะพร้าว อะโวคาโด
- ผักใบเขียว
- เห็ด
เคล็ดลับในการกินคีโตให้น้ำหนักลงเร็ว
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูง
- ค่อยๆ ปรับลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตลง อย่าเพิ่งตัดคาร์โบไฮเดรตทั้งหมดออกในทันที เพราะอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้
- วางแผนอาหารล่วงหน้าและเตรียมอาหารไว้ล่วงหน้า จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ไม่เหมาะกับคีโต
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ น้ำเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคีโตซิส
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันและปรับปรุงผลลัพธ์ของคีโต
- อดทน ใช้เวลาสักพักกว่าร่างกายจะปรับตัวให้เข้ากับ อาหารคีโต
- อาหารที่มีน้ำตาลสูง ขนมหวาน น้ำอัดลม ผลไม้
- อาหารที่มีแป้งสูง ข้าว ขนมปัง พาสต้า
- อาหารที่มีไขมันทรานส์ อาหารแปรรูปส่วนใหญ่
แนะนำอาหารสำหรับคนเริ่มกิน คีโตเจนิค ไดเอท ทานไขมันดีเพื่อลดน้ำหนัก อาหารคีโตมีอะไรบ้าง
อาหารเช้า
- ไข่ต้มหรือไข่คนกับอะโวคาโด
- แพนเค้กคีโตที่ทำจากแป้งอัลมอนด์หรือแป้งมะพร้าว
- โยเกิร์ตไขมันสูงกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
- สมูทตี้คีโตที่ทำจากผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และน้ำมันมะพร้าว
อาหารกลางวันและอาหารเย็น
- เนื้อสัตว์ติดมันกับผักใบเขียว
- ปลากับผักนึ่ง
- ไข่เจียวคีโตกับผัก
- สลัดคีโตกับเนื้อสัตว์ ปลา หรือไข่
ของว่าง
- ถั่วและเมล็ดพืช
- ชีส
- อัลมอนด์
- อะโวคาโด
- ชาเขียวไม่มีน้ำตาล / กาแฟดำ
เครดิตภาพ : https://shopee.co.th/blog/ketogenic-diet-meal-plan/
ประโยชน์ของการกิน ketogenic diet คือ
- ช่วยให้ลดน้ำหนักได้ เนื่องจากอาหาร keto จำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล ทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะคีโตซิส ร่างกายจะสลายไขมันเป็นพลังงานแทนคาร์โบไฮเดรต ส่งผลให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
- ช่วยลดความอยากอาหาร เนื่องจากอาหารคีโตทำให้ระดับอินซูลินในเลือดต่ำลง อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นความอยากอาหาร ส่งผลให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น
- ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เนื่องจากอาหารคีโตเน้นการทานโปรตีนสูง โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
- ช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน เนื่องจากอาหารคีโตช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินในเลือด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากอาหารคีโตช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ เนื่องจากอาหารคีโตช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ซึ่งอาจช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์
- ภาวะคีโตเฟส เป็นภาวะที่ร่างกายเผาผลาญไขมันเพื่อสร้างพลังงานแทนคาร์โบไฮเดรต ส่งผลให้ร่างกายผลิตสารคีโตนออกมามากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย กระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย
- ขาดสารอาหาร การกินคีโตอาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารบางชนิดไม่เพียงพอ เช่น ไฟเบอร์ วิตามิน และเกลือแร่ ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา เช่น ท้องผูก อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ การกินคีโตติดต่อกันในระยะยาวอาจส่งผลทำให้เกิดนิ่วในไต ไขมันพอกตับ มีภาวะตับผิดปกติ เกิดโรคกระดูกพรุน และยังมีปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคหัวใจได้ด้วย
- ไม่เหมาะกับทุกคน การกินคีโตอาจไม่เหมาะกับทุกคน เช่น ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ เช่น โรคไต โรคตับ โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร